เคล็ดลับ วิธีปลูก กะหล่ำปลี การใช้ปุ๋ยบำรุง หัวใหญ่ ใบหนาเขียว ห่อหัวแน่น น้ำหนักดี.
"กะหล่ำปลี" จัดเป็นผักใบที่ได้รับความนิยม เนื่องจากสามารถปลูกขายได้ตลอดทั้งปี ซึ่งในอดีตกะหล่ำปลีจะปลูกกันมากบริเวณภาคเหนือเท่านั้น เนื่องจากมีอุณหภูมิหนาวเย็น
แต่ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ให้สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี แม้ในช่วงฤดูฝน อาทิ สายพันธุ์ "กะหล่ำปลีเจียไต๋ T-523 และ T-530" อีกทั้งอายุเก็บเกี่ยวที่สั้นลง เพียง 60-65 วัน ก็เก็บขายได้แล้ว
นอกจากการคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ที่ดีแล้ว การจะได้ผลผลิตที่สมบูรณ์ หัวใหญ่ น้ำหนักดีด้วยนั้น พี่น้องเกษตรกรต้องใส่ใจการบำรุง ซึ่งวันนี้แอดมินขอแนะนำขั้นตอนการบำรุงกะหล่ำปลี มาฝากกันครับ
ขอเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการเพาะกล้า ซึ่งมีวิธีเพาะเมล็ดในถาดหลุม หรือเพาะในแปลงปลูก จากนั้นบำรุงด้วยปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 25-7-7 บลู อัตรา 15-20 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร เพื่อช่วยบำรุงเมล็ดพันธุ์ให้งอกไว และเจริญเติบโตสมบูรณ์ สามารถใช้บำรุงเมล็ดพันธุ์ ช่วยให้ต้นงอกไว และช่วยให้ลำต้นแข็งแรง
จากนั้นจะทำการย้ายกล้าลงแปลงปลูก เมื่อต้นกล้า(อายุ 7-10 วันหลังย้ายปลูก) ในระยะนี้กะหล่ำปลีจะขยายตัวทางลำต้นและทางใบอย่างรวดเร็ว จึงแนะนำบำรุงด้วยปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 25-7-7 บลู อัตรา 20-25 กิโลกรัมต่อไร่ เพื่อบำรุงให้กะหล่ำปลีต้นเล็ก มีระบบรากสมบูรณ์ ดูดซับธาตุอาหารได้ดี ทำให้ต้นและใบโตไว แข็งแรงครับ
เมื่อเข้าสู่ช่วงกะหล่ำปลีเริ่มเข้าหัว (อายุ 30-35 วัน) ควรบำรุงเพื่อเร่งให้กะหล่ำปลีเจริญเติบโต โดยแนะนำใส่ปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 16-16-16 บลู อัตรา 30-50 กิโลกรัม ต่อไร่ เพื่อช่วยให้ลำต้นแข็งแรง ใบหนา สีเขียวสวย พร้อมห่อหัวแน่น
ระยะบำรุงเพิ่มน้ำหนักเพื่อเพิ่มคุณภาพผลผลิต ก่อนเก็บเกี่ยว (ช่วงอายุ 50 วัน) ขอแนะนำให้ใส่ปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 13-13-24 หรือปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 15-9-20 อัตรา 30-50 กิโลกรัม ต่อไร่ เพื่อเร่งบำรุงให้กะหล่ำปลีหัวใหญ่ ห่อหัวแน่น ได้น้ำหนักดี ตรงตามที่ตลาดต้องการครับ
กะหล่ำปลี มีช่วงการเจริญเติบโตที่พัฒนาในระยต่างๆ ที่ค่อนข้างเร็ว ดังนั้นแอดมินจึงแนะนำให้พี่น้องเกษตรกรใส่ใจในขั้นตอนการบำรุง เลือกสูตรปุ๋ยบำรุงให้เหมาะสมกับทุกช่วงการเจริญเติบโต อย่างปุ๋ยตรากระต่ายปุ๋ยที่ชาวสวนไว้ใจเลือกใช้เป็นอันดับ 1 เพื่อรอรับกะหล่ำปลีหัวใหญ่ ใบหนา หอหัวแน่น ชัวร์ เด๊ะ เด๊ะ