นกปรอดหน้านวล ชื่อวิทยาศาสตร์ กินอะไร ลักษณะทั่วไป นิสัย ถิ่นอาศัย การสืบพันธุ์.
เนื้อหาข้อมูล นกปรอดหน้านวล
- นกปรอดหน้านวล คืออะไร?
- อุปนิสัยและถิ่นอาศัย
- กินอะไรเป็นอาหาร
- ชื่อสามัญ (ภาษาอังกฤษ)
- ชื่อวิทยาศาสตร์
- ความหมายของชื่อและการค้นพบ
- อนุกรมวิธาน
- ลักษณะทั่วไป
- การสืบพันธุ์
- การแพร่กระจาย
- สถานภาพ
นกปรอดหน้านวล คืออะไร?
นกปรอดหน้านวล คือสัตว์ปีกจำพวกนกชนิดหนึ่งในกลุ่มนกประจำถิ่น ซึ่งดำรงชีวิตอาศัยอยู่ตามธรรมชาติในประเทศไทย มีสถานภาพทางกฎหมาย เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองของไทย
นกปรอดหน้านวลเป็นสัตว์มีแกนสันหลังซึ่งอยู่ในกลุ่มสัตว์ที่มีกระดูกสันหลัง โดยอยู่ในจำพวกสัตว์จำพวกนก ซึ่งสัตว์จำพวกนี้เป็นสัตว์เลือดอุ่น หายใจโดยใช้ปอด มีจะงอยปากแข็ง ฟันลดรูป กระดูกทั่วร่างกายเป็นโพรง ซึ่งทำให้มีน้ำหนักเบา ขาคู่หน้าพัฒนาไปเป็นปีก มีปีก 1 คู่ มีขา 1 คู่ มีรูปร่างเพรียวปกคลุมด้วยขน มีขนเป็นแผง มีเกล็ดที่ขาและนิ้วเท้า ทำรังวางไข่บนบก ไข่มีเปลือกแข็งหุ้ม
อุปนิสัยและถิ่นอาศัย

นกปรอดหน้านวล; photo by Chris Chafer.
นกปรอดหน้านวล เป็นนกที่พบตามแหล่งกสิกรรม ป่าละเมาะ สวนปาล์ม น้ำมัน และป่ารุ่น โดยเฉพาะบริเวณใกล้แหล่งน้ำจืด และชายทะเล มักพบเป็นคู่ หรือฝูงเล็กๆ และมักพบอยู่รวมกับนกปรอดอื่นๆ โดยเฉพาะนกปรอตสวน อาศัยและหากินตามต้นไม้ ระดับสูง และพุ่มไม้ระดับต่ำ และปรากฏเสมอๆที่ลงมาหากินตามพื้นดิน
กินอะไรเป็นอาหาร
อาหารของนกปรอดหน้านวล ได้แก่ผลไม้ ตัวหนอน และแมลงต่างๆ พฤติกรรมการกินอาหาร ไม่แตกต่างจากนกปรอดอื่นๆ นอกเหนือจากบางครั้งที่กระโดดไล่จับแมลงบนพื้นดิน ซึ่งไม่ค่อยจะปรากฏในนกปรอดอื่นๆ
ชื่อสามัญ (ภาษาอังกฤษ)
ชื่อสามัญ (Common name) ของ นกปรอดหน้านวล ภาษาอังกฤษ ว่า Yellow-vented Bulbul.
ชื่อวิทยาศาสตร์
นกปรอดหน้านวล ชื่อวิทยาศาสตร์ ว่า Pycnonotus goiavier (Scopoli, 1786) เป็นสัตว์ปีกในสกุล Pycnonotus โดยถูกจัดอยู่ในวงศ์นกปรอด (Pycnonotidae) ซึ่งเป็นวงศ์ของนกในอันดับนกจับคอน (Passeriformes)
ความหมายของชื่อ และ การค้นพบ
ยังไม่ทราบที่มาและความหมายของชื่อชนิดแน่ชัด อาจจะมาจากคำในภาษาทมิฬ (ศรีลังกา) คือ kuruvi ซึ่งเป็นคำรวมเรียกนกขนาดเล็กต่างๆ รวมทั้งนกปรอดและนกจับแมลงต่างๆ เป็นชนิดที่พบครั้งแรกที่ประเทศฟิลิปปินส์
ทั่วโลกมีนกปรอดหน้านวล 6 ชนิดย่อย ในประเทศไทย พบ 2 ชนิดย่อยคือ
- Pycnonotus goiavier jambu Deignan ชื่อชนิดเป็นคำที่มาจากภาษา สันสกฤตคือ jambu แปลว่าต้นชมพู่ ความหมายก็คือ "นกที่กินผลไม้” เป็นชนิดที่พบครั้งแรก ที่จังหวัดสมุทรสาคร ทางภาคกลางตอนล่างของประเทศไทย พบในภาคตะวันออกเฉียงได้ และภาคกลาง
- Pycnonotus goiavier personala (Hume) ชื่อชนิดย่อยเป็นคำที่มาจากรากศัพท์ภาษาละตินคือ persona,- แปลว่า หน้ากาก และ -tus เป็นคำลงท้าย ความหมายก็คือ "มีลายบริเวณใบหน้า" เป็นชนิดย่อยที่พบ ครั้งแรกที่เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ในไทยพบในภาคใต้ ตั้งแต่คอคอดกระลงไป
อนุกรมวิธาน (Taxonomy)
- อาณาจักร (Kingdom) : Animalia
- ไฟลัม (Phylum) : Chordata
- ไฟลัมย่อย (Subphylum) : Vertebrata
- ชั้น (Class) : Aves
- อันดับ (Order) : Passeriformes
- วงศ์ (Family) : Pycnonotidae
- สกุล (Genus) : Pycnonotus
- ชนิด (Species) : Pycnonotus goiavier
ลักษณะทั่วไป
นกปรอดหน้านวล มีลักษณะเป็นนกที่มีขนาดเล็ก (20 ซม.) ตัวเต็มวัยด้านบนลำตัวสีน้ำตาล บริเวณหัวตาสีดำ มีคิ้วสีขาว ด้านล่างลำตัวสีขาว อกมีสีน้ำตาลแซม ขนคลุมโคนขนหาง ด้านล่างสีเหลืองแกมเขียว หางไม่มีสีขาวใดๆ ตัวไม่เต็มวัยคิ้วสีออกเทา
การสืบพันธุ์
การสืบพันธุ์ของนกปรอดหน้านวล ผสมพันธุ์ในช่วงฤดูร้อน หรือระหว่างเดือน มีนาคม-เมษายน ทำรังเป็นรูปถ้วย ประกอบด้วยต้นหญ้า เศษใบไม้ และใบหญ้าต่างๆ ทำรัง ตามพุ่มไม้เตี้ยๆ หรือตามต้นวัชพืชบางชนิด อย่างเช่นต้นสาบเสือ เป็นต้น
รังอยู่ไม่สูงจากพื้นดินมากนัก ขนาดของรังโดยประมาณ กว้าง 6 ซม. ลึก 2.5 ซม. แต่ละรังมีไข่ 2-3 ฟอง ไข่สี เนื้อ มีลายจุดสีน้ำตาลแดง ขนาดของไข่โดยเฉลี่ย 16.0 x 23.0 มม. ทั้ง 2 เพศช่วยกันสร้างรัง และฟักไข่
โดยเริ่มฟักตั้งแค่ออกไข่ฟองแรก ใช้ระยะเวลาฟักไข่ทั้งสิ้น 12-14 วัน และช่วยกัน เลี้ยงดูลูกอ่อน ซึ่งเมื่อออกจากไข่มาใหม่ๆยังไม่มีขนคลุมร่างกาย
อาหารที่พ่อแม่นกนำมา ป้อนในระยะแรกๆจะเป็นตัวหนอนหรือแมลง เมื่อลูกนกโตพอประมาณอาหารที่พ่อแม่นก นำมาป้อนจะเป็นผลไม้ ซึ่งเป็นอาหารตามปกติของพ่อแม่นกนั่นเอง
การแพร่กระจาย
การแพร่กระจายของนกปรอดหน้านวล มีถิ่นกำเนิดในหมู่เกาะซุนดาใหญ่ และ ฟิลิปปินส์ ในเอเชียตะวันออกเฉียงได้พบในพม่า ไทย มาเลเซีย กัมพูชา และเวียดนาม
สถานภาพ
นกปรอดหน้านวล มีสถานภาพตามฤดูกาล (Seasonal status) เป็น นกประจำถิ่นของไทย พบได้บ่อยและปริมาณ ปานกลาง มีสถานภาพทางกฎหมาย (Legal status) เป็น สัตว์ป่าคุ้มครอง และมีสถานภาพการอนุรักษ์ (Conservation status) เป็น กลุ่มที่เป็นกังวลน้อยที่สุด (Least concern)
ที่มา : กลุ่มงานวิจัยสัตว์ป่า, สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช.